
ชำนาญ พรหมยงค์
บุตรชายคนโตของแช่ม พรหมยงค์ อดีตจุฬาราชมนตรี หนึ่งใน 4 คณะราษฎรที่เป็นชาวมุสลิม เขามีพี่น้อง 10 คน คนเล็กคือ ไพศาล พรหมยงค์ ที่แทบลอยด์ไทยโพสต์เคยสัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อนในเรื่องปัญหาภาคใต้
"พ่อผมตายปี 2532 อายุน่าจะ 89 อ่อนกว่าอาจารย์ปรีดี 1 ปี พ่อผมเป็นก้นกุฏิ เป็นคนที่ อ.ปรีดีรักที่สุดเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ในด้านหน้าที่การงานนะ เป็นความสนิทสนมส่วนตัว เป็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมยากมาด้วยกันมากที่สุด คุณคิดดูแล้วกันพ่อผมตาม อ.ปรีดีลี้ภัย อาศัยเรือน้ำมันเชลส์วิ่งไปสิงคโปร์ ถูกขังอยู่ที่สิงคโปร์และหาเรือเข้าเมืองจีน เรื่องอย่างนี้สิน่าเล่า เพราะถ้าคุณไปหาประวัติศาสตร์อ่านไม่มีหรอก ประวัติศาสตร์ดีๆ เมืองไทยเขาไม่เล่ากัน"
ไปด้วยกันครั้งนั้น 4 คน "1.อ.ปรีดี 2.ร.อ.วัชรชัย (ชิยสิทธิเวช) คนที่ถูกหาว่ายิง ร.8 เป็นนายทหารติดตาม อ.ปรีดี 3.จ่านายสิบตำรวจสิงห์โต เป็นนายตำรวจหน้าห้อง พ่อผมไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ไม่ได้มีความสามารถพิเศษแต่ท่านคงรัก ก็อาจจะพูดง่ายๆ ว่าคุณแช่มไปด้วย บังเอิญพ่อผมนิสัยไม่ดีเหมือนผม ท่านรักใครแล้วรักจริง เกลียดก็เกลียดยันลูกยันหลาน ตอนท่านรัก อ.ปรีดี ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ มาเข้าใจตอนศึกษาหลังๆ เพราะฉะนั้นก็ไปกันแค่นี้"
แช่ม พรหมยงค์ รักอาจารย์ปรีดีจนถึงขนาดเปลี่ยนนามสกุลจากมุสตาฟา มาเป็นพรหมยงค์
"พ่อผมไปอยู่เซี่ยงไฮ้กับปักกิ่งคงไม่ถึงปี ลูก อ.ปรีดีคนเล็กอายุรุ่นผม ยังเล่าว่านั่งตักอาแช่มตอนอยู่เมืองจีน จากจีนพ่อผมมาอยู่มาเลย์ เป็นนักโทษการเมืองที่มาเลย์ประมาณ 7-8 ปี"
ตอนนั้นแม่ก็ตามไปอยู่ด้วย
"ผมไปเที่ยวหนเดียว ตอนผมอายุ 12 แม่พาไปดู หลังจากพ่อผมไปได้ไม่ถึงปี ผมเรียนที่นี่ได้ปีกว่าๆ แม่ก็พาไปดู ตอนนั้นผมมีน้อง 3 คน แม่เอาน้องไปหมดเลย และก็ไปคลอดที่โน่นอีก 3 คน พ่อกลับมาผมเรียนจะจบ ม.ปลายอยู่แล้ว อยู่ที่นี่คนเดียวตลอด จนเข้าธรรมศาสตร์ปี 2502"
ขากลับบอกว่ารัฐบาลลงทุนส่งค่าเครื่องบินไปรับทั้งครอบครัว
"คือนักการเมืองเวลาใครหนีไปเมืองนอกคนข้างในจะกลัว เพราะเขานึกว่าคนข้างนอกเป็นเสือเป็นสาง ทั้งที่พ่อผมอยู่สงบเสงี่ยมมาก แม่ทำขนมขาย ชาวบ้านเขาปลูกเพิงไม้ขัดแตะให้อยู่ในป่าที่กลันตัน"
เล่าว่ากลับมาแล้ว คุณพ่อก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอะไรอีก แต่ยังโดนจนได้เพราะไปอียิปต์
"เที่ยวหลังต้องไปอยู่อียิปต์ 3 ปี คือตอนนั้นเขามีประชุมประเทศโลกที่สามไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เขาเชิญรัฐบาลไทยไปเป็นผู้สังเกตการณ์ รัฐบาลไทยไม่ไป เขาเลยเชิญเป็นตัวบุคคล ในฐานะที่พ่อผมเป็นนักเรียนเก่ามหาวิทยาลัย AZHAR พ่อผมไปก็กลับประเทศไม่ได้ ก็ต้องอยู่แถวอาหรับ จนประมาณปี 2512 คราวนี้รัฐบาลเอาเรือไปรับถึงเกาะสีชัง ให้อาศัยเรือพวกแสวงบุญกลับ พอทอดสมอสีชัง ตำรวจไปรับ นายทหารชั้นร้อยเอกคนหนึ่งรู้จักกัน ผมก็ไปรับ ตอนนั้นผมทำงานท่าเรือคลองเตย ผมก็รับพ่อที่ท่าเรือคลองเตยนี่แหละ แต่ตำรวจเอาไว้สันติบาล บอกว่าให้อยู่เพื่อสอบสวน แล้วให้เบี้ยเลี้ยงเป็นรายวัน พ่อผมอยู่คราวนั้นหลายเดือน"
อยู่สันติบาลตอนนั้นก็พร้อมๆ กับเปาะสู ซึ่งรู้จักกันดีกับแช่ม พรหมยงค์ เพราะเคยไปแก้ปัญหาภาคใต้
"ปักษ์ใต้มีปัญหามานาน อ.ปรีดีเลยตั้งคณะกรรมการดูแลภาคใต้ มีคุณอุดม บุณยประสพ (สามีคุณหญิงแร่ม พรหโมบล) เป็นข้าหลวงภาค เป็นประธาน พ่อผมกับใครอีกคนจำไม่ได้สามคน เป็นกรรมการดูแลภาคใต้ ฉะนั้นพ่อผมโยงใยไปสนิทกับนายกฯ มาเลย์คนแรก นายกฯ มาเลย์คนแรกนี่คนไทยนะ เพราะตอนแกเกิด กลันตันยังเป็นดินแดนไทย และแกก็จบมัธยมเทพศิรินทร์ แกเคยมาเยือนตรวจแถวนักเรียนเทพศิรินทร์ พูดภาษาไทยจ้อยเลย"
นั่นคือตนกูอับดุลเราะห์มาน ต่อมานายแช่มจึงไปลี้ภัยอยู่ในมาเลเซีย
แช่ม พรหมยงค์ เป็น 1 ใน 4 มุสลิมที่เข้าร่วมคณะราษฎร อีก 3 คนคือ พี่น้องตระกูลศรีจรูญ แห่งร้านปืนศรีจรูญ
"คุณบรรจง ศรีจรูญ คนกลางสนิทกับพ่อผม คุณบรรจงเอาชื่อพ่อผมมาเข้าคณะราษฎร พ่อผมจน ตระกูลเป็นครูสอนศาสนา คุณบรรจงไปเรียนที่อียิปต์ด้วยกัน ขากลับบ้านเขาแวะต่อเครื่องบินที่ฝรั่งเศส ก็ไปพบคณะราษฎร 7 คนแรกที่อยู่ฝรั่งเศส พอทักทายกันดีก็ขอยืมเงิน เดี๋ยวกลับไม่ถึงเมืองไทย คนจะทำปฏิวัติเจอเจ้าของร้านปืน ก็ได้รู้จักกันทั้งหมด คุณบรรจงก็เอาสิ เอาชื่อพี่ผมด้วยได้ไหม เพื่อนผมอีกคนได้ไหม ทางโน้นเขาอยากได้อยู่แล้ว ขอให้เป็นคนหนุ่มไฟแรง"
วันที่ 24 มิถุนายน 4 หนุ่มมุสลิมนี่แหละที่เอาปืนออกจากร้านไปร่วมกับทหารคณะราษฎรที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็มีหน้าที่ควบคุมพวกเจ้านายที่ถูกนำมากักตัวไว้ เพราะหน้าตาดูน่าเกรงขาม จนตอนหลังมีการร้องขอให้เปลี่ยนหน้าที่เอาทหารมาคุมแทน
หลังปฏิวัติ อ.ปรีดีก็ให้นายแช่มมาทำงานกระทรวงเศรษฐการ
"พ่อผมทำงานตำแหน่งแรก พนักงานตรวจตลาด กระทรวงเศรษฐการ ชั้นตรี ทำได้ปีสองปีมั้งก็ขยับมาอยู่กรมประชาสัมพันธ์ ตอนนั้นเป็นกองโฆษณาการ เป็นลูกน้องคุณดิเรก ชัยนาม เป็นเจ้าหน้าที่ของกองนี้ที่จอมพลแปลกเกลียดที่สุด พ่อผมก็เกลียดแกจนวันตายเลย ด่าได้ด่าเลย"
บอกว่าพ่อเกลียดนายกฯ อยู่ 2 คน คือจอมพล ป.กับนายควง แต่ตัวเขาเกลียดอยู่ 2 คนคือ ทักษิณกับสมัคร แม้จะบอกว่าไม่ชอบอำนาจอื่นที่มาแทรกแซง
แต่กับลูกๆ จอมพล ป.ไม่ได้มีปัญหากัน
"กับลูกๆ แกผมก็ทักดี คุณนิตย์นิสัยดีน่านับถือมาก"
ชำนาญบอกด้วยว่า ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีของพ่อ มีคนเดียวที่ไม่เหมือนใคร
"ตำแหน่งนี้มีคนเดียวในประเทศไทย พ่อผมเป็นคนเดียวแล้วเลิกเลย เพราะจุฬาราชมนตรีตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ตอนนั้นจุฬาราชมนตรีเป็นตำแหน่งชั้นเอก สังกัดสำนักราชเลขา ขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ พอพ่อผมลี้ภัยไปก็โดนเต็มๆ ละทิ้งหน้าที่ กบฏ ตำแหน่งนี้ว่างเขาก็เอาตำแหน่งนี้โอนไปอยู่กรมการศาสนา ท่านปรีดีเอามาจากไหนรู้หรือเปล่า ตำแหน่งนี้สมัยอยุธยา 13 คน คนสุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้วเลิกไป ถึงบอกว่า อ.ปรีดีฉลาด ปัญหาปักษ์ใต้นี่ต้องแขกเนื้อๆ ถึงจะรู้เรื่อง อย่ามาคุยเลยว่าจะร่มเย็นเป็นสุข รับความจริงกันซะมั่ง วิธีแก้ปัญหาสมัยก่อนไม่ต้องไปรบหรอก ที่จริงแล้วมันเรื่องเดียวกันจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ตัวแปรต่างๆ ตัวที่เอาน้ำมันไปหยอดให้สีสันมันเปลี่ยน แต่เรื่องน่ะเรื่องเดียวกัน คุณไปถามชาวบ้าน 7 ชั่วโคตรก็เรื่องเดียวกัน"
สมัยนั้นนายแช่มลงไปแก้ปัญหาภาคใต้ ก็รู้จักคนไปทั่ว
"เขาเดินเข้าถึง คนวางนโยบายคือข้าหลวงอุดม พ่อผมจะรู้จักคนระดับหัวหน้าหมู่บ้าน แกหนุ่มใหญ่อายุ 40 กว่า คนเราก็ต้องมีบุคลิกในตัว รู้จักใช้เหตุใช้ผล นั่นแหละเป็นกรรมการชุดแรกของภาคใต้ เดี๋ยวนี้ตั้งกรรมการทางใต้ตั้งโดยสีสันของพรรคการเมือง"
รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้คนพูดว่า คณะราษฎรไม่จำเป็นต้องปฏิวัติเพราะจะให้มีรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
"ให้เพราะขอ ไม่ขอไม่ให้ คนพูดทีหลังพูดได้ทั้งนั้น อย่าเอากาลเวลามาเป็นตัวแปร"
--
Weblink
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com
บุตรชายคนโต ปู่แช่ม พรทมยงค์ ชื่อ ชุมพล พรหมยงค์ นะครับ ไม่ได้ชื่อ ชำนาญ นะครับ
ตอบลบ