ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

บทวิเคราะห์:การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย?


บทวิเคราะห์:การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย?
 

บทวิเคราะห์:

การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย?

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้บัญญัติถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้อย่างชัดเจน และสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีเจตนารมณ์ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อมตลอดจนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การพัฒนาระบบการเมือง การปกครองของประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ความสำคัญดังกล่าว จึงเกิดกลไกหนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อให้มีการขับเคลื่อนกระบวนการมีส่วน ร่วมของประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรม นั่นคือ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยมีอำนาจหน้าที่กระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน การส่งเสริมและเผยแพร่การเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข วิถีคิดและวิถีปฎิบัติที่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ

ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในนโยบายสาธารณะ และแนวทางผลักดัน

ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการมี ส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ.... นี้เป็นอีกหนึ่งในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดย ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวน การนโยบายสาธารณะ พ.ศ.... ว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มุ่งส่งเสริมและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในนโยบายสาธารณะ ควรพิจารณาควบคู่กับหลักความชอบธรรมในการดำเนินนโยบายของฝ่ายการเมืองที่มา จากการเลือกตั้งด้วย
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนและผลักดันร่างพ.ร.บ.นี้ ควรมีการดำเนินการต่อเนื่องควบคู่กับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการมีส่วนร่วมอีก 2 ฉบับในโครงการนี้ นั่นคือร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยอาจจัดทำเป็นชุดข้อมูลความรู้หรือการส่งต่อข้อมูล เพื่อใช้ในการเผยแพร่ และยังสามารถใช้เป็นตัวอย่างของการศึกษาเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนใน นโยบายสาธารณะ ตลอดจนใช้เพื่อต่อยอดในอนาคตได้ เพราะเป็นกระบวนการเรียนรู้ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
"ในการดำเนินโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการร่างกฎหมายครั้งนี้ สิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งคือ ทุกเวทีที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะมีประชาชนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม อย่างคึกคัก มีการเสนอแนะในประเด็นต่างๆ ขณะเดียวกันในเวทีการจัดสัมมนาจะมีทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอ็นจีโอ เข้าร่วมและแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอแนะต่อร่างพ.ร.บ.อย่างน่าสนใจ ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าจะพิจารณาบทบาทและความเหมาะสม ในการผลักดันและขับเคลื่อนร่างพ.ร.บ.เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป"

ข้อเด่นของร่างพระราชบัญญัติฯ

เป็นกฎหมายกลาง ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบาย สาธารณะ(Promote Participation in Policy Process)
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว หากกฎหมายดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ที่มีมาตรฐานในด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนสูง กว่ากฎหมายฉบับนี้ ก็ให้บังคับตามกฎหมายเฉพาะนั้นๆ แต่มีมาตรฐานการมีส่วนร่วมน้อยกว่าก็ให้บังคับตามกฎหมายฉบับนี้
ยกเว้น การมีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่นให้กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องกำหนดหลักเกณฑ์และกลไกว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับท้อง ถิ่นให้สอดคล้องและโดยคำนึงถึงมาตรฐานการมีส่วนร่วมตามกฎหมายว่าด้วยการมี ส่วนร่วมในกระบวนการนโยบายสาธารณะฉบับนี้ด้วย
การมีกฎหมายกลางเช่นนี้ ทำให้ระบบการบังคับใช้และการตีความกฎหมายเป็นเอกภาพและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ อันแท้จริง ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการมีส่วนร่วม สามารถปฎิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง เพราะมีกฎหมายกำหนดและให้อำนาจไว้โดยชัดแจ้ง ซึ่งในอดีตนั้นไม่มีกฎหมายว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยตรง แม้มีความพยายามยกร่างนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาจำนวนมากก็ตาม
กล่าวโดยสรุป ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ.... มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย สาธารณะอย่างแท้จริง โดยกำหนดรับรองสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในขณะเดียวกันกำหนดให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐในการส่งเสริมและสนับ สนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วยรูปแบบ วิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสม
ทั้ง นี้ กลไกสำคัญที่จะช่วยทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชนเกิดขึ้นได้ และเป็นการมีส่วนร่วมที่มีความหมาย (Meaningful Participation) คือ คณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ อีกทั้งมาตรการส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือทั้งในส่วนของหน่วยงานของรัฐ ในฐานะผู้มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยตรงและ ประชาชนทั่วไปนั่นเอง

ชุติมา สุขวาสนะ เรียบเรียง

ชูชาติ เทศสีแดง บรรณาธิการ

 

 
ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ชุติมา สุขวาสนะ   Rewriter : ชูชาติ เทศสีแดง
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th



 วันที่ข่าว : 30 กันยายน 2552
http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255209300122&tb=N255209&news_headline=%BA%B7%C7%D4%E0%A4%C3%D2%D0%CB%EC:%A1%D2%C3%C1%D5%CA%E8%C7%B9%C3%E8%C7%C1%A2%CD%A7%C0%D2%A4%BB%C3%D0%AA%D2%AA%B9%B7%D3%CD%C2%E8%D2%A7%E4%C3%E3%CB%E9%E0%A1%D4%B4%A2%D6%E9%B9%A8%C3%D4%A7%E3%B9%CA%D1%A7%A4%C1%E4%B7%C2?

--
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org
http://www.lek-prapai.org/
http://www.paper4trees.org/index1.htm

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

เผยหลังโค่นทักษิณ"สนธิ"เงินโผล่ 7 ล้าน ป.ป.ช.ขานรับพท.ลั่นสอบทรัพย์สินบิ๊กทหารปฏิวัติ 19 ก.ย.



 
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 17:55:56 น.  มติชนออนไลน์

เผยหลังโค่นทักษิณ"สนธิ"เงินโผล่ 7 ล้าน ป.ป.ช.ขานรับพท.ลั่นสอบทรัพย์สินบิ๊กทหารปฏิวัติ 19 ก.ย.

ป.ป.ช. ขานรับพท.พร้อมตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน อดีตผบ.ตร.และขุนทหารร่วมปฏิวัติ 19 ก.ย. เผย"บิ๊กบัง" มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหลังโค่น"แม้ว"กว่า 7 ล้านเจ้าตัวพร้อมให้สอบ ยันไม่หนักใจ "สดศรี" อ้างไต่สวนปมเงินบริจาคปชป.ล่าช้าเพราะรอ "ประชัย"ให้การ

ปปช.พร้อมตรวจบัญชี"บิ๊กคมช."


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย(พท.)เตรียมยื่นร้องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินของพล.อ.สนธิ บุญญรัตกลิน อดีตผบ.ทบ.และทหารที่ร่วมปฏิวัติในนาม คมช. เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ว่า เป็นหน้าที่ที่ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่าตรวจสอบเสร็จหรือยัง หากตรวจสอบเสร็จแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นผิดปกติก็เก็บไว้เป็นข้อมูล แต่ถ้าหากว่ามีคำร้องและชี้ช่องกันขึ้นมาก็สามารถตรวจสอบได้  ต้องดูที่คำร้องก่อนว่าร้องให้ตรวจสอบอย่างไร


ทางด้านพล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะยื่นบัญชีทรัพย์สินไปหมดแล้วตามกฎหมาย และทุกอย่างมีหลักฐานตรวจสอบได้ ไม่รู้สึกกังวลหรือหนักใจ หากพรรคเพื่อไทยจะยื่นตรวจสอบก็พร้อม


เผย"บิ๊กบัง"มีเงินงอกเกือบ8ล.


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 พบว่า การยื่นตรวจสอบและพิสูจน์ทรัพย์สินของนายทหารที่ร่วมกันทำการปฏิวัติทุกคน ของพท.) ต่อป.ป.ช. สามารถทำได้  ทั้งนี้ พล.อ.สนธิยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. 3 ครั้ง ตอนเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี ซึ่งป.ป.ช.ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนทุกครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 หลังพ้นจากตำแหน่งรองนายกฯครบ 1 ปี พล.อ.สนธิแจ้งมีทรัพย์สิน 46,457,074 บาท นางสุกัลยา คู่สมรส 15,211,354 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 532,313 บาท มีหนี้สิน 1,214,070 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 60,986,672 บาท เปรียบเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ ที่ป.ป.ช.นำมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2550 พล.อ.สนธิแจ้งว่าทรัพย์สิน 38,796,977 บาท นางสุกัลยา 14,041,233 บาท   บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 323,702 บาท โดยสรุปหลังการปฏิวัติ พล.อ.สนธิ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 7,824,760 บาท


กกต.ชี้เหตุอืดรอ"ประชัย"ให้การ


นางสดศรี สัตยธรรม  กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ฝ่ายเลขาอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาทที่มีการกล่าวหาว่าบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริจาคให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทที่อาจมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้รายงานว่ายังไต่สวนสำนวนไม่เสร็จ หลังจากขอขยายเวลาไต่สวนครั้งก่อนอีก30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดรายงานผลต่อที่ประชุมกกต.ในวันที่ 29 กันยายนนี้ เพราะนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์  ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอ โพลีนฯ ยังไม่ได้มาให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการ และยังขาดเอกสารหลักฐานที่กกต.ได้ขอจากบริษัทหลายหน่วยงานที่ขอให้ส่งมากกต. รวมทั้งเอกสารบัญชีงบดุลที่ กกต.ยังไม่ได้รับจากบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด


รอถกที่ประชุมตัดพยานวันนี้


“เรื่องนี้ต้องรอหารือในที่ประชุม กกต.วันที่ 29 กันยายนนี้ว่าจะตัดพยานที่ยังไม่ได้มาให้ปากคำต่อกกต.หรือไม่ หากจะพิจารณาสำนวนเพื่อลงมติ"นางสดศรีกล่าวและว่าส่วนนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว

 

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกปชป. กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือขอให้กกต.รีบสรุปผลการตรวจสอบคดีเงิน บริจาค 258 ล้านบาท ว่ามั่นใจว่าพรรคจะไม่มีความผิดและพร้อมให้ข้อมูลทุกครั้งและยินดีเปิดเผย ข้อมูลต่อสาธารณชนด้วยและเห็นว่าคดีนี้เดินหน้าไปตามปกติ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1254128621&grpid=&catid=01

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เปิดรายชื่อ 36 ส.ว. ต้นเหตุ...ร่างแก้รธน.ตกสภา


วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11512 มติชนรายวัน


เปิดรายชื่อ 36 ส.ว. ต้นเหตุ...ร่างแก้รธน.ตกสภา





สมเกียรติ ศรลัมพ์, ประสิทธิ์ โพธสุธน

หลังจากที่ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมกับ นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี รวบรวมรายชื่อ ส.ส.และ ส.ว.ยื่นญัตติเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 จำนวน 7 ประเด็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนั้นมีประเด็นสำคัญคือการขยายวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว.สรรหา ชุดปัจจุบันจาก 3 ปี เป็น 6 ปีนั้น

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ว.ทั้งสายสรรหาและสายเลือกตั้ง ได้ทยอยถอนชื่อการสนับสนุน โดยส่วนใหญ่ระบุว่า ตอนที่ลงชื่อยังไม่เห็นร่างอย่างละเอียด แต่เมื่อได้รับร่างและพิจารณาโดยละเอียด จึงไม่เห็นด้วย เพราะบางส่วนมีการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องการขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.สรรหา และไม่ตรงกับข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญระยะเร่งด่วน 6 ประเด็น ตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ เสนอมา

เหตุผลสำคัญอีกประการคือ หลังจากที่ได้ปรึกษากับเพื่อน ส.ว. รวมถึง นักกฎหมายบางคนแล้ว เห็นว่า ค่อนข้างหมิ่นเหม่กับการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์

ล่าสุด จากจำนวน ส.ส.และ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อในตอนแรก 157 คน จึงมี ส.ว.ทยอยถอนชื่อ รวมแล้วจำนวน 36 คน แบ่งเป็น ก่อนยื่นร่างแก่ประธานรัฐสภา จำนวน 6 คน ได้แก่ พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร นางสุกัญญา สุดบรรทัด นางกีระณา สุมาวงศ์ นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ นางรสสุคนธ์ ภูริเดช ส.ว.สรรหา นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา

ถอนชื่อหลังจากยื่นร่างไปแล้ว นับถึงวันที่ 14 กันยายน จำนวน 26 คน ได้แก่ นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ส.ว.สรรหา น.ส.เกศสิณี แขวัฒนะ ส.ว.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ ส.ว.สรรหา นายสุพจน์ โพธ์ทองคำ ส.ว. สรรหา นายวรวุฒิ โรจน พานิช ส.ว.สรรหา พล.ต.ต. สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา นางยุวดี นิ่มสมบุญ ส.ว. สรรหา พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ ส.ว.สรรหา พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงษ์ ส.ว. มุกดาหาร พ.ต.อ.พายัพ ทองชื่น ส.ว.สรรหา นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสาร คาม พล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย นายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล ส.ว.กาฬสินธุ์ นายศภวัฒน์ เทียนถาวร ส.ว.สิงห์บุรี พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ ส.ว.สรรหา นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม นายสุเมธ ศรีพงษ์ ส.ว.นครราชสีมา นายจตุรงค์ ธีระกนก ส.ว.ร้อยเอ็ด นายต่วนอับดุลเล๊าะ ดาโอ๊ะมารียอ ส.ว.ยะลา นายพรพจน์ กังวาน ส.ว.ระนอง นายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ ส.ว.ลพบุรี นางจิราวรรณ จงสุทธนามณี วัฒนศิริธร ส.ว.เชียงราย นายจำนง สวมประคำ ส.ว.สรรหา นายอนันต์ วรธิติพงศ์ ส.ว.สรรหา และ นายรุสดี บินหะยีสะมะแอ ส.ว.สรรหา

ต่อมามีการถอนชื่อเพิ่มเติม ในเช้าวันที่ 15 กันยายน 4 อีกคน ได้แก่ พล.ท.สุจินดา สุทธิพงศ์ ส.ว.สรรหา นายมานพน้อย วานิช ส.ว.พังงา นายจรัล จึงยิ่งรุ่งเรือง ส.ว.สระบุรี และนายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ ส.ว.ขอนแก่น

สรุปยอดล่าสุด ณ เวลา 12.00 น. วันที่ 15 กันยายน เหลือ ส.ส.และ ส.ว. ลงชื่อในญัตติเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 จำนวน 121 คน ถือว่ามีจำนวน ไม่ถึง 1 ใน 5 ของสองสภา ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 291 บัญญัติ คือ 125 คน จาก สมาชิกรัฐสภาจำนวน 622 คน แบ่งเป็น ส.ส. 473 คน ส.ว. 149 คน

สุดท้ายทำให้ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ผู้ยกร่างและรวบรวมรายชื่อ ต้องแจ้งเรื่องขอถอนร่างกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในตอนเที่ยงวันเดียวกัน


หน้า 11
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pol02160952&sectionid=0133&day=2009-09-16
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

เปิดวิจัย"ร้อน"ซื้อขาย"เก้าอี้ทองคำ"กระทรวงเกรดA-มีทั้งประมูล-ดาวน์-ซื้อขาด-พ่อค้าวางมัดจำ

 


 
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 20:30:49 น.  มติชนออนไลน์

เปิดวิจัย"ร้อน"ซื้อขาย"เก้าอี้ทองคำ"กระทรวงเกรดA-มีทั้งประมูล-ดาวน์-ซื้อขาด-พ่อค้าวางมัดจำ

ข่าว อื้อฉาวในการซื้อขายตำแหน่งผู้ว่าฯ ในกระทรวงหมาดไทย หรือ"นายพล"ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การซื้อขาย"เก้าอี้ทองคำ"ในระบบราชการมีจริงหรือไม่ หาคำตอบได้จากผลงานวิจัย"ร้อน"ชิ้นนี้

ข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับนักการเมืองใหญ่ที่ไม่มีในตำแหน่งในรัฐบาล แต่มีอิทธิพลเหนือกระทรวงมหาดไทยเรียกข้าราชการระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัด และรองอธิบดีประมาณ 20 คนเข้าไปพบเป็นรายตัวและแจ้งให้ทราบว่า ถ้าต้องการตำแหน่งผู้ว่าฯต้องหาเงินสนับสนุนพรรครายละ 10-15 ล้านบาทและช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้ง ถ้ามีการยุบสภา สร้างความเดือดดาลให้แก่นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างมาก อ้างว่า  เป็นการปล่อยข่าวทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคภูมิใจไทย และสั่งหาตัว"ต้นตอ"ในการปล่อยข่าว

 

อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่า นอกจากเรียกเงินจากผู้ที่มีโอกาสได้รับแต่งตั้งจากระดับรองผู้ว่าฯและรองอธิบดีเป็นผู้ว่าฯแล้ว ยังมีการเรียกเงินจากผู้ว่ฯที่ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว โดยต่อรองว่า ถ้าต้องการอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆต่อไปก็ต้องหาเงินสนับสนุนำพรรคเช่นกัน

 

นอกจากข่าวซื้อชายเก้าอี้ในกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีการตั้งอนุกรรมการข้าราชการตำรวจชุดพิเศษขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเรื่อง การซื้อขายเก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ซึ่งในเบื้องต้นอนุกรรมการฯสรุปผลการสอบสวนว่า มีพิรุธในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจหลายตำแหน่ง

 

เพื่อให้เห็นภาพรวมการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ "มติชนออนไลน์" ขอนำสรุปรายงานการการวิจัยเรื่อง"การคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ" โดย ผศ. ดร.ชินนะงษ์ บำรุงทรัพย์ และคณะที่เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในปี 2546 มานำเสนอ

********************************
การวิจัยนี้เป็นการสำรวจความคิด เห็นของข้าราชการเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ ข้าราชการที่ให้ข้อมูลอาจจะเป็นข้าราชการที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการซื้อ ขายตำแหน่งด้วยตนเองหรืออาจจะเป็นข้าราชการที่เคยได้ยิน ได้พบเห็น หรือเชื่อว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง


การวิเคราะห์ข้อมูลจึงวิเคราะห์ตามข้อมูลความคิดเห็นที่รวบรวมได้ ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากคำถามปลายเปิดในแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เจาะ ลึกจากการศึกษาข้าราชการที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการสำรวจความคิดเห็น ของข้าราชการตั้งแต่ระดับ 7 ขึ้นไป ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยใช้แบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 2,668 ราย และโดยการสัมภาษณ์เจาะลึก จำนวน 60 ราย สรุปผลได้ ดังนี้


จากผลการสำรวจความคิดเห็นของข้าราชการเกี่ยวกับปัจจัยที่เอื้ออำนวย หรือมูลเหตุ/แรงจูงใจ ที่ทำให้มีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในภาพรวมพบว่า ข้าราชการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยในระดับปานกลางว่า มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยหรือมูลเหตุ/แรงจูงใจ ที่ทำให้มีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงาน


แต่เมื่อพิจารณาความคิดเห็นของข้าราชการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามหน่วยงานพบว่า  ข้าราชการสังกัดสำนักงานตำรวจชาติเห็นด้วยค่อนข้างมากว่า มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยหรือมูลเหตุ/แรงจูงใจ ที่ทำให้มีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงาน


ในขณะที่ข้าราชการสังกัดหน่วยงานอื่นๆ ต่างเห็นด้วยในระดับปานกลางว่า มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยหรือมูลเหต/แรงจูงใจที่ทำให้มีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงาน


จากผลการสำรวจทัศนคติจของข้าราชการที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นในการ ซื้อขายตำแหน่งในภาพรวมพบว่า ข้าราชการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติที่ไม่ดีหรือไม่เห็นด้วยต่อการ คอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่ง


แต่เมื่อพิจารณาทัศนคติของข้าราชการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม หน่วยงาน พบว่า ข้าราชการในเกือบทุกสังกัดมีทัศนคติที่ไม่ดี หรือไม่เห็นด้วยต่อการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่ง

 

ยกเว้นกลุ่มตัวอย่างข้าราชการสังกัดสำนักงานตำรวจ แห่งชาติที่มีทัศนคติต่อการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งที่แตกต่างจากข้า ราชการหน่วยงานอื่น กล่าวถึงมีทัศนคติว่า การคอร์รัปชั่นในบางประเด็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา


จากผลการสำรวจความคิดเห็นของข้าราชการเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นในการ ซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงานราชการในภาพรวม พบว่า ข้าราชการที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีความคิดว่า มีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงานในระดับค่อนข้างน้อย


แต่เมื่อพิจารณาในแต่ละข้อคำถามพบว่า ข้าราชการส่วนใหญ่เคยได้ยิน/เชื่อ/แน่ใจว่ามีบางคนในหน่วยงานได้รับหรือไม่ได้รับการแต่งตั้ง/โยกย้าย/เลื่อนตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม หรือใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวก ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างมาก


จากการศึกษาสาเหตุและแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ พบว่า  1) ค่านิยมทางสังคม 2) โครงสร้างองค์กร 3) ผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อมจากตำแหน่งหน้าที่ 4) ความซื่อสัตว์สุจริตของบุคคล

 

5) ความบกพร่องในระบบการแต่งตั้ง/โยกย้าย/เลื่อนตำแหน่ง 6) การแทรกแซงของนักการเมือง และ 7) สภาวะแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม มีผลที่ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ


ในการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ พบว่า มีวิธีการที่หลากหลายแตกต่างกัน ดังนี้


- ข้าราชการที่ต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่ง/แต่งตั้ง/โยกย้าย อาจจะติดต่อกับคนใกล้ชิด คนสนิท ของผู้มีอำนาจซึ่งมีทั้งข้าราชการและนักการเมือง


- คนใกล้ชิด คนสนิทของผู้มีอำนาจเป็นผู้ติดต่อกับข้าราชการที่อยู่ในข่ายจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง/แต่งตั้ง/โยกย้าย


- ข้าราชการที่หวังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง/แต่งตั้ง/โยกย้าย พยายามทำตัวใกล้ชิดรับใช้ผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ดังกล่าว


สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนของการซื้อขายตำแหน่ง อาจจะอยู่ในรูปของตัวเงิน ในบางตำแหน่งจะมีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน หรืออาจจะเป็นในรูปผลประโยชน์อื่นๆ ดังนี้


- ข้าราชการที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง/แต่งตั้ง/โยกย้าย อาจจะใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งของตนเอื้ออำนวยความสะดวกหรือผลประโยชน์แก่ ผู้มีอำนาจในภายหลัง อาจจะช่วยเหลือเกี่ยวกับการเลือกตั้งถ้าผู้มีอำนาจเป็นนักการเมือง


- การให้ของขวัญ ของกำนับที่มีมูลค่าสูง ในวาระต่างๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันเกิด เป็นต้น


- การใช้ความสนิทสนม คุ้นเคย เข้าไปรับใช้เป็นการส่วนตัว


ในส่วนของเงินที่จะใช้ในการซื้อขายตำแหน่ง ในบางกรณีเป็นเงินของผู้ที่ต้องการซื้อตำแหน่งเอง


แต่สำหรับกรณีที่ตำแหน่งนั้นๆ เป็นตำแหน่งในระดับสูง และถ้าหน่วยงานนั้นๆ เป็นหน่วยงานที่มีโครงการในการจัดซื้อ จัดจ้าง จำนวนมาก และในวงเงินสูง ข้า ราชการที่พยายามจะเข้าสู่ตำแหน่งนั้นๆ จะติดต่อกับพ่อค้า นักธุรกิจที่ประสงค์จะได้ทำงานในโครงการดังกล่าว เพื่อขอให้รวบรวมเงินเพื่อที่จะจ่ายให้แก่ผู้มีอำนาจเป็นการซื้อตำแหน่ง โดยมีข้อตกลงว่า ถ้าได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งดังกล่าวก็จะเอื้ออำนวยให้แก่พ่อค้า นักธุรกิจนั้นๆ ได้รับงานของหน่วยงาน


สำหรับผลกระทบของการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการนั้นอาจสรุปได้เป็น 2 ระดับ คือ 


1) ผลกระทบต่อข้าราชการในหน่วยงาน ทำให้ข้าราชการหมดขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะข้าราชการที่มีความตั้งใจในการทำงาน หมดศรัทธาและขาดการยอมรับในตัวผู้บังคับบัญชา ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยเกิดพฤติกรรมเลียนแบบในการซื้อขายตำแหน่ง และทำให้ข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถขาดโอกาศที่จะเจริญก้าวหน้า


และ 2) ผลกระทบต่อระบบราชการโดยรวมเนื่องจากเมื่อมีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่ง แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง ทำให้ไม่ได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่ตำแหน่ง ซึ่งส่งผลเสียหายต่อระบบราชการ


ในรายการการวิจัยดังกล่าว ยังได้สำรวจวิธีการคอร์รัปชั่นในการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการแบ่งแยกเป็นกระทรวง ดังต่อไปนี้


กระทรวงมหาดไทย

 

1. การซื้อขายตำแหน่งมักกระทำผ่านคนใกล้ชิด คนสนิท หรือคนที่ไว้วางใจสังเกตเห็นได้จากการที่อธิบดี มักจะแต่งตั้งบุคคลที่ตนเองไว้วางใจมาเป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการกองคลัง และเลขานุการกรม ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เป็นไปได้โดยง่าย


2. ข้าราชการระดับสูงมักจะมีการซื้อขายตำแหน่งโดยใช้อิทธิพลของนักการเมือง และนักการเมืองเหล่านี้มักต้องการผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินทุน หรือพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป


3. การให้ของขวัญเนื่องในโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด วันปีใหม่ วันแต่งงานบุตร แต่อาจมีการแนบสิ่งของมีค่า เช่น เงินสด หรือทองคำ


4. วิธีการซื้อขายตำแหน่งมีหลายวิธีตั้งแต่ซื้อขาด ซื้อแบบผ่อนส่งโดยมีเงินดาวน์ (ส่งส่วยกันตลอดชีวิต) ซึ่งคิดว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ เพราะผู้มีอำนาจของเมืองไทยประเภทที่ยอมแก้ระบบให้ดีแล้วตัวเองและพวกพ้อง สูญเสียประโยชน์และโอกาสคงหาได้ยาก

 

5.อาศัยความสนิทสนมคุ้นเคยเป็นส่วนตัวกับผู้มีอำนาจ อาศัยความสนิทสนมหรือเป็นญาติกับคนสนิท หรือผู้ติดตามผู้มีอำนาจ อาศัยภรรยาของตนเองเพื่อติดต่อกับภรรยาของผู้มีอำนาจ


6. การยอมรับใช้ในฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง เช่น การหาคะแนนเสียงให้กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง


7. อาศัยฝีมือในการปฏิบัติหน้าที่จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาการ ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายในงานที่ได้รับมอบโดยไม่ขัดแย้งผู้ บังคับบัญชา หรือขัดแย้งบ้างในบางกรณีที่ขัดกับกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ ความดีความชอบขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฏิบัติงานถูกใจผู้บังคับบัญชา หรือความดีความชอบจะได้แก่บุคคลที่ใกล้ชิดและสละเวลาส่วนตัวมาก เช่น ตำแหน่งเลขานุการ หรือผู้ใช้เวลาว่างไปเยี่ยมผู้บังคับบัญชา


8. การซื้อขายตำแหน่งเป็นการสมยอมกันระหว่าง 2 ฝ่าย ส่วนมากจะเป็นนักการเมืองเข้ามาดำเนินการ


กระทรวงศึกษาธิการ


1. ปัจจุบันมีการซื้อขายตำแหน่งต่างๆ กันอย่างแพร่หลายในระบบราชการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งสูงระดับผู้บริหาร จะเกาะติดเหนียวแน่นกับนักการเมือง (ส่วนมากเข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากประเทศชาติ) ซึ่งแก้ไขได้ยากมาก


2. การใช้ระบบใบฝาก/ใบสั่งจากผู้มีอิทธิพล นักการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร


3. การใช้นายหน้าในการติดต่อซื้อขายตำแหน่งแทนที่จะมีการติดต่อกันโดยตรง


4. การซื้อขายตำแหน่งอาจจะกระทำในรูปของการทำผลประโยชน์ให้ การให้ของขวัญ


5. การดูแลรับรองผู้ใหญ่ระดับสูง  ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการไปตรวจงาน ตรวจเยี่ยม หรือไปเที่ยวเตร่หาความสุขของผู้ใหญ่ เช่น ไปตีกอล์ฟ คนที่หาเงิน (ซึ่งก็คือรีดไถจากพ่อค้า ประชาชน) ได้เก่ง ก็มีสิทธิใกล้ชิดเจ้านาย กลายเป็นมือขวาเจ้านายไม่ต้องทำงานก็ได้ดี ถึงเวลาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษ เงินเดือนสูง ก้าวหน้าเร็ว ขณะเดียวกันคนที่ไม่สามารถรีดไถมารับรองผู้ใหญ่ก็ไม่ก้าวหน้า ระบบไปตรวจงานของผู้ใหญ่ไม่มีประโยชน์กับทางราชการ นอกจากประโยชน์กับตัวผู้ใหญ่เอง ได้กิน ได้เที่ยว ได้พักผ่อน ได้ของฝากแพงๆ ดีๆ


6. สามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างให้ผู้บังคับบัญชาได้ตามที่ผู้บังคับบัญชาต้องการ แม้จะต้องเสียทรัพย์สินต่างๆ เป็นจำนวนมาก


7. คอยประจบเอาใจผู้บังคับบัญชาเป็นพิเศษ


8. เป็นผู้ที่ใกล้ชิดและคอยรับใช้ผู้ใหญ่ ทำให้มีโอกาสก้าวหน้ากว่าที่ทำงานแต่ในหน้าที่


9. สามารถทำทุกอย่างให้ผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่มีข้ออ้าง


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์


1. นักการเมืองใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการมากเกินไป นักการเมืองทุกระดับจะมีอิทธิพลเหนือข้าราชการประจำ ผู้ที่ต้องการตำแหน่งจะเข้าหานักการเมืองเพื่อใช้อำนาจบีบผู้บังคับบัญชา


2. การซื้อขายตำแหน่ง จ่ายเป็นเงิน จ่ายเป็นทรัพย์สิน สร้าง/ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ซื้อของมีค่า เพชรแหวนเงินทอง เป็นของกำนัล


3. บุคคลที่มีพรรคพวกมักจะวิ่งเต้น เพื่อให้ได้ตำแหน่งและความก้าวหน้าในชีวิตราชการ เนื่องจากมีข้อเปรียบเทียบว่าบุคคลที่ไม่ได้วิ่งเต้น โอกาสก้าวหน้ามีน้อย จะอาศัยความรู้ ความสามารถโดยเฉพาะอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีผู้บังคับบัญชาคอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ ซึ่งอาจจะมีการตอบแทนเป็นเงินบ้างหรือคอยรับใช้ใกล้ชิด หรือหมั่นให้ของกำนัลแก่ผู้บังคับบัญชา


4. การวิ่งเต้นต้องผ่านหลายด่าน ยิ่งตำแหน่งที่มีช่องทางหาผลประโยชน์จะวิ่งกันหนักและจ่ายหนักด้วยเช่นกัน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานการเจ้าหน้าที่ และเลขานุการส่วนตัวของผู้ใหญ่จะทำหน้าที่เป็นกันชนให้ มีเทคนิควิธีการรับผลประโยชน์ที่แยบยลยากแก่การจับผิดได้


5. การแต่งตั้ง โยกย้ายบางตำแหน่งนอกเหนือจากการใช้วิธีเล่นพรรคเล่นพวก ระบบญาติพี่น้อง ต้องการตอบสนองต่อผู้มีอำนาจแล้วยังมีการใช้เงิน รับผลประโยชน์ต่างๆ จากผู้ที่มีอำนาจ เช่น มีการโอนเงินให้ผู้ที่มีอำนาจเป็นงวดๆ หรือผู้ที่มีอำนาจให้ผู้ที่ใกล้ชิดไปดูแลผลประโยชน์ของตน


6. ผู้บริหารระดับสูงในส่วนกลางมักจะดูแลสนับสนุนบุคคลที่คอยเลี้ยงดูต้อนรับ บริการเวลาไปตรวจราชการต่างจังหวัด เป็นกระบวนการได้มาของตำแหน่ง


7. ทุจริตในการสอบคัดเลือก เช่น ทราบข้อสอบก่อน มีการกำหนดรายชื่อผู้ที่สอบได้ไว้ก่อน


กระทรวงคมนาคม


1. การซื้อขายตำแหน่งทางตรง (เป็นตัวเงิน) โดยจ่ายเป็นค่านายหน้าหรือค่าดำเนินการวิ่งเต้น เจรจา ต่อรอง ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งใหญ่ๆ และเกี่ยวข้องกับการเมือง


2. การซื้อขายตำแหน่งทางอ้อม (เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน) มีมากในระดับหัวหน้าส่วนราชการระดับกลางถึงสูง เกิดขึ้นระหว่างผู้วิ่งเต้นต้องการตำแหน่งกับเจ้านายระดับสูงกลุ่มพ่อค้าผล ประโยชน์


3. การเข้าหาผู้บริหารระดับสูง หรือนักการเมืองเพื่อขอการสนับสนุน และอาจมีการมอบของกำนับเป็นสิ่งตอบแทน หรือการสัญญาว่าจะกระทำการใดๆ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ให้การสนับสนุน


4. การซื้อขายตำแหน่งมักจะมีผู้แทนของผู้ที่มีอำนาจรับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อและ ประสานงานเพื่อเรียกรับเงินจากผู้ซื้อตำแหน่ง และกลุ่มนักการเมืองหรือธุรกิจการเมือง ซึ่งอาจจะไม่เป็นตัวเงินแต่เป็นประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ เช่น เมื่อ วิ่งเต้นได้ตำแหน่งก็จะดูแลเจ้านายเป็นอย่างดีในลักษณะอุปถัมภ์ค้ำจุน คอยให้ความสะดวกทุกเรื่องหรือช่วยวิ่งเต้นในเรื่องการของบประมาณ


กระทรวงสาธารณสุข


1. การซื้อขายตำแหน่งจะมีคนกลางหรือหน้าม้าเป็นผู้ติดต่อ โดยแต่ละตำแหน่งจะกำหนดราคาไว้มักจะได้ยินจะเป็นในวงการข้าราชการตำรวจ และในวงการอื่นๆ บางครั้งตำแหน่งนั้นถูกหลายคนหมายปองก็จะมีการแข่งราคากัน (โดยผ่านคนกลาง) ผู้ใดให้ราคาสูงกว่าก็จะได้ตำแหน่งนั้น


2. นักการเมืองมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อเอื้อประโยชน์กัน


กระทรวงการคลัง


1. มีการแต่งตั้งไว้ก่อนที่จะมีการสอบ ซึ่งอาจจะเป็นไปตามคำขอ การฝากของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า เช่น รัฐมนตรี นักการเมือง หรือผู้ที่มีอิทธิพล


2. คณะกรรมการที่ออกข้อสอบบางท่านได้มีการเปิดเผยข้อสอบให้แก่บุคคลที่จะสอบทราบก่อน


3. แก้คำตอบของข้อสอบจากผิดให้เป็นถูกในขั้นตอนการป้อนคำตอบใส่คอมพิวเตอร์


4. การวิ่งเต้นผ่านนักการเมือง


5. สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย หรือบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ โดย การเสนอเงินให้โดยถูกต้องตามกฎหมาย (เช่น ในรูปเงินสินบนรางวัล) หรือหากให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้นจะตอบแทนโดยการดูแลค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้ มีอำนาจและครอบครัวใน ทุกๆ เรื่อง หรือการขอให้โยกย้ายไปอยู่ในที่ที่ดีมีเงินทองที่สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้


6. ผู้ใกล้ชิดหรือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้เนื้อเชื่อใจเป็นผู้ดำเนินการจัดหาติดต่อรวบรวมโดย มีกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจ เป็นผู้สนับสนุนออกทุนให้ ผลประโยชน์ที่ผู้สนับสนุนได้รับ เช่น สัมปทานนำสินค้าเข้าโดยเสียภาษีเพียงบางส่วน ส่วนที่เหลือจะแบ่งกันไปตามสัดส่วน


7. บางครั้งเงินก็ไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายยังมีวิธีการอื่นๆ เช่น ให้ของฝากที่มีราคาแพง พาไปตีกอล์ฟเมืองนอก เป็นต้น


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


1. การซื้อขายตำแหน่งผู้ที่มีบทบาทมากที่สุด คือ นักการ เมืองระดับชาติ เมื่อเข้าไปในรัฐบาลก็จะปูพื้นฐานทางการเมืองโดยวิธีแต่งตั้งคนของตนเองรอง รับฐานเสียงไว้ผลประโยชน์ที่นักการเมืองรับจากข้าราชการประจำไม่ได้รับคราว เดียวในวันที่รับตำแหน่งแต่จะรับในรูปแบบให้บริการอื่นๆ


2. ปัจจุบันข้าราชการตำแหน่งจะวิ่งเข้าหานักการเมืองเพื่อหวังประโยชน์ในการ แต่งตั้งและมักจะได้ผลเพราะผู้บังคับบัญชาระดับสูงบางนายก็มาจากนักการเมือง สนับสนุนหรือเกรงอำนาจนักการเมืองซึ่งอาจจะถูกโยกย้าย หากไม่ปฏิบัติตามความประสงค์ของนักการเมือง


3. นักการเมืองใช้อำนาจที่ตนมีอยู่สนั่งการผู้บังคับบัญชาให้แต่งตั้งบุคคลที่ ตนต้องการสนับสนุน หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นธรรมเนียมที่ให้ข้าราชการต้องปฏิบัติอย่างนั้น เพื่อความอยู่รอดของตนเอง


4. ผู้ที่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม มักใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อสร้างกฎให้ปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจและ ป้องกันการตรวจสอบ


5. การติดต่อซื้อขายตำแหน่งเริ่มจากติดต่อกับผู้รู้จักกับเจ้านายก่อน เพื่อให้ประสานงานให้ หากตกลงหรือรับเงื่อนไขได้ ก็จะดำเนินการต่อไปจนได้รับแต่งตั้ง/โยกย้าย


6. การซื้อขายตำแหน่งปัจจุบันมักจะเป็นกลุ่มพ่อค้าที่เข้าไปคลุกคลีเพื่อหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนให้พ้นจากการจับกุม โดยช่วยเหลือเรื่องเงินมาตลอด เมื่อตำรวจให้ความช่วยเหลือกลุ่มพ่อค้าเหล่านี้ก็จะให้ความช่วยเหลือโดยวิ่งเต้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้


7. เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาจะมอบสินบนหรือน้ำใจให้ไปทั้งหมด เมื่อได้รับการแต่งตั้งซึ่งเป็นการตอบแทนเด็ดขาดไม่มีข้อผูกพันต่อกัน หลังจากนั้นจึงมีการเปลี่ยนไปเป็นให้เงินก้อนแต่จำนวนไม่มาก เมื่อได้ตำแหน่งแล้วจึงผ่อนเป็นรายเดือน จำนวนเงินจะมากหรือน้อยแล้วแต่ตำแหน่ง คล้ายกับซื้อรถยนต์ที่ดาวน์แล้วมาผ่อนต่อ วิธีนี้ทั้งผู้ให้และผู้รับจะชอบเพราะผู้ให้ก็ได้รับความคุ้มครองให้ดำรง ตำแหน่งอยู่เพื่อจะได้มีเงินมาผ่อนต่อไป ผู้รับก็ได้ประโยชน์ตรงไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้รับเงินค่าวิ่งเต้นโยกย้าย


8. ในช่วงที่จะมีการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือเลื่อนตำแหน่ง ผู้ที่มีสิทธิทั้งหลายมักใช้วิธีไปคลุกคลีทำความสนิทสนมคุ้นเคย รับใช้ผู้ที่คิดว่าสามารถให้ความช่วยเหลือหรอืแต่งตั้งให้ตนเองหรอืพรรคพวก ได้ โดยเฉพาะนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง และเมื่อมีคำสั่งบุคคลเหล่านี้ ก็มักจะมีรายชื่อได้รับการแต่งตั้ง


9. เป็นการสมยอมทั้งฝ่ายมีอำนาจแต่งตั้ง และฝ่ายอยากได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น
****

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1252935309&grpid=&catid=02

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

"วิกฤติกันยายน" จาก "อดีต" จนถึง "ปัจจุบัน"...!! / สยามรัฐผลัดใบ

 “วิกฤติกันยายน” จาก “อดีต” จนถึง “ปัจจุบัน”...!! / สยามรัฐผลัดใบ

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์17/9/2552

วิกฤติกันยายน

                           จาก อดีต จนถึง ปัจจุบัน...!!

 

          คงไม่เป็นคำกล่าวเกินจริงหากจะกล่าวว่าการ งัดไม้ตายของ รัฐบาลโดย ประกาศใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายนนี้ เพื่อหวังคุมประพฤติ ม็อบเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนนี้นั้น เปรียบเสมือนเป็น การเติมเชื้อไฟให้อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุมากขึ้น จนอาจปะทุให้เกิดเป็น วิกฤติกันยายนก็เป็นได้ ซึ่งหากพิจารณาจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา จะทำให้พบว่า กันยายน ถือเป็น อีกหนึ่งเดือนแรงของการเมืองไทย...

            ปี 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่  16 กันยายน 2500 และเมื่อยึดอำนาจสำเร็จจอมพลสฤษดิ์ ได้แต่งตั้งนายพจน์ สารสิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 9 และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป การรัฐประหารครั้งดังกล่าว ถือเป็นการ พลิกโฉมหน้าการเมืองไทยเนื่องจากเป็นการกวาดล้างฐานอำนาจของจอมพล ป. พิบูลสงครามชนิด ถอนรากถอนโคน และเป็นการเริ่มต้นของการเพาะบ่มฐานอำนาจของจอมพลสฤษดิ์ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น

จน กระทั่งในวันที่ 20 ตุลาคม 2501 จากความวุ่นวายความขัดแย้งของสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหารที่ทำให้จอมพลสฤษดิ์มีอำนาจเบ็ดเสร็จทางการ เมือง ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่11 และถึงอสัญกรรมด้วยโรคไต เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2506 รวมอายุได้ 55 ปี

ในปี 2549 ได้เกิด ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ซึ่งมี พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ ได้ก่อรัฐประหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลรักษาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งแม้ว่าการรัฐประหารในปี 49 จะมีเป้าประสงค์ เพื่อการฟื้นฟูความเป็นเอกภาพของรัฐบาล ตลอดจนกอบกู้ความสามัคคีให้หวนกลับมาสู่การเมืองไทย แต่ก็ดูเหมือนเป้าประสงค์ดังกล่าวจะไม่ประสบผลสัมฤทธิ์ (สัมฤทธิ์ผล...ไม่สัมฤทธิ์ผล พิจารณาจากการเมืองไทย ณ วันนี้ ก็น่าจะรู้ คำตอบ กันอยู่ คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว..!!)

จาก สถานการณ์ความขัดแย้งของขั้วเหลือง ขั้วแดง ขั้วรัฐบาล ขั้วฝ่ายค้าน ความสับสนวุ่นวาย การต่อสู่แย่งชิงอำนาจทางการเมือง ตลอดจนระยะเวลา 3 ปี หลังการรัฐประหาร ผนวกกับกระแสข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง หรือแม้แต่ระหว่างรัฐบาลกับคนมีสี (สารพันความวุ่นวายที่ดูเหมือนยังไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น..!!) ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เกิดกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ในช่วงที่ นายกฯอภิสิทธิ์จะเดินทางไปต่างประเทศ

คำตอบสุดท้าย ของ วิกฤติกันยายน 52 จะเป็นอย่างไร?? คงไม่มีใครกล้าคาดเดา (เพราะอีกไม่นานก็จะรู้ คำตอบ..!!) แต่ คำตอบ ที่อยากได้ยินจากทุกฝ่าย คือ

การกระทำที่คำนึงถึง ประชาชนตาดำดำ...ประชาธิปไตยที่บอบช้ำ เป็นสำคัญ..!!

สุดท้ายก็อยากภาวนาให้ ประเทศไทย ผ่านพ้น วิกฤติกันยายน 52 ไปให้ได้ด้วยเถอะ..สาธุ..!!

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4187&acid=4187

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันที่ 19 กันยายน 2552 วันพระ - แรม 15 ค่ำ เดือน 10 / ทางเสือผ่าน

 
 วันที่ 19 กันยายน 2552 วันพระ – แรม 15 ค่ำ เดือน 10 / ทางเสือผ่าน

ศิริพงษ์ จันทน์หอม17/9/2552

 

วันที่ 19 กันยายน 2552

วันพระ แรม 15 ค่ำ เดือน 10

 

                ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน  พ.ศ. 2552  ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือน 10  แต่วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552  จะเป็นวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10  เป็นวันพระ และเป็นวันคืนสุดท้ายของเดือน 10  เพราะรุ่งขึ้นคือวันอาทิตย์ที่ 20 ก็จะเป็นวันแรกของเดือน 11

                วันอาทิตย์นั้นถือว่าเป็นวันแรกหรือวันที่ 1 ของอาทิตย์หรือสัปดาห์  คิดตามประสาคนชอบสนุกกับตัวเลข เดือน 11 ก็เริ่มต้นวันแรกของเดือนด้วยวันแรกของสัปดาห์ เท่ากับ 1 11

                สำคัญ กว่านั้นคือวันสุดท้ายของเดือน 10 ซึ่งเป็นวันดีเดย์ของแดงเดือด หรือวันที่กลุ่มเสื้อแดงจะจัดงานรำลึกถึงวันปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง คือเป็นวันเสาร์  วันสุดท้ายของสัปดาห์  - ตรงกับวันสุดท้ายของเดือน 10 พอดี 

นอกจากจะเป็นวันพระ แรม 15 ค่ำ ก็ยังเป็นเป็นวันสารทไทยพอดีอีกด้วย

                ตามธรรมเนียม ประเพณี คนไทย-พุทธ  วันพระอย่างนี้ก็ต้องเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นธรรมดา  เพื่อว่าธรรมะจะได้สอนใจเตือนใจให้มีธรรมประจำใจ

                การเปลี่ยนวันเปลี่ยนเดือนเปลี่ยนปีนั้นเป็นไปตามกาลเวลา ตามธรรมชาติ

                วันนี้ ก่อนถึงวันพระในวันที่ 19 กันยาฯ น่าจะฟังเทศน์ฟังธรรมกันบ้าง

                สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงนิพนธ์เรื่องธรรมชาติกับกรรมปัจจุบันของคนไว้ว่า

                ความแปรปรวนเป็นปกติของ ดิน ฟ้า อากาศ และพืช  มีคติแสดงว่า เกี่ยวแก่กรรมปัจจุบันของคนเป็นเหตุสำคัญอยู่ด้วย  ดังมีกล่าวไว้ใน จตุกกนิบาตว่า  ในสมัยเมื่อราชา หรือผู้ปกครองบริหารประเทศไม่ตั้งอยู่ในธรรม  เสนา อำมาตย์  ขุนทหาร(ตำรวจ) ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินไม่ปฏิบัติตนในธรรม ธรรมชาติก็วิปลาสบิดเบือนไป  ลมพัดผิดทาง ต้นไม้หักโค่น ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล  ข้าวกล้าในนาเสียหาย  หมู่มนุษย์เมื่อไม่ได้กินข้าวดีมีคุณประโยชน์ ก็เจ็บป่วย ผิวพรรณหม่นหมอง-ไร้สติกำลัง

                ธรรมกถานี้เปรียบเทียบลงท้ายไว้ด้วยว่า 

ถ้าหัวหน้าโคข้ามไปอยู่  โคผู้หัวหน้าฝูงเดินไปคด  โคทั้งหมดก็เดินคด  ในเมื่อโคนำฝูงเดินคด  ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้น ผู้ได้รับยกย่องเป็นหัวหน้า ถ้าประพฤติอธรรม  ประชานอกนี้ก็ประพฤติตาม  รัฐทั้งหมดย่อมอยู่เป็นทุกข์  ถ้าผู้ปกครองไม่ตั้งอยู่ในธรรม ถ้าเมื่อโคทั้งหลายข้ามไปอยู่ โคผู้หัวหน้าฝูงเดินไปตรง โคทั้งหมดย่อมเดินตรง ในเมื่อโคนำฝูงเดินตรง  ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน  ผู้ได้รับยกย่องเป็นหัวหน้า ถ้าประพฤติธรรม ประชานอกนี้ก็ประพฤติตาม  รัฐทั้งหมดย่อมเป็นสุข  ถ้าผู้ปกครองตั้งอยู่ในธรรม

                ก่อนจะยกย่องให้ใครเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำก็ต้องดูให้ดีก่อนว่า  ผู้นั้นเดินตรงหรือเดินคด ประพฤติธรรม หรือไม่ประพฤติธรรม

                เลือกผู้นำที่มีพฤติกรรมเหมือนโคหัวหน้าเดินคด  ประเทศชาติบ้านเมืองก็จ่อมจมอยู่ในทุกข์  ประชาชนก็ก่นทุกข์

                จะเลือกเชื่อใครฟังใคร  จะเดินตามใครก็ต้องใช้วิจารณญาณ  ต้องดูว่าเขาเดินคดหรือไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือไม่  ถ้าเขาเดินตรงและตั้งอยู่ในธรรมก็สมควรเลือกเขา เดินตามเขา

                ในเรื่องของธรรมชาติเดียวกันนี้  สมเด็จพระสังฆราชทรงนิพนธ์ไว้ตามความในพระไตรปิฎกอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของธรรมชาติอีกนั่นเอง

                จตุกกนิบาตกล่าวถึงวลาหก  ซึ่งก็คือเมฆหรือฟ้าฝน  โดยอุปมาไว้ 4 อย่าง เปรียบเทียบกับบุคคลไว้ 4 จำพวกว่า

1.        ฟ้าร้องแต่ฝนไม่ตก เปรียบเหมือนบุคคลที่ได้แต่พูด แต่ไม่ทำ

2.        ฝนตกฟ้าไม่ร้อง  เปรียบเหมือนบุคคลที่ทำแต่ไม่พูด

3.        ฝนไม่ตกฟ้าไม่ร้อง  เปรียบเหมือนบุคคลที่ไม่พูดและไม่ทำ

4.        ฟ้าร้องฝนตก  เปรียบเหมือนบุคคลที่ทั้งพูดและทำ

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้ง 4 ประการ - ประพฤติกรรมของบุคคลทั้ง 4 อย่างเป็นกรณีที่เห็นกันได้ในทุกวันปัจจุบันนี้  โดยเฉพาะในปรากฎการณ์ทางการเมืองบ้านเราที่ทั้งสับสนทั้งวุ่นวายทั้งปั่นป่วน

การมองคนมองใครจึงต้องใช้วิจารณญานในรับรู้รับฟังรับชม ธรรมของพระพุทธองค์น่าจะเป็นต้นแบบหรือหลักการที่เราท่านจะได้วินิจฉัย  ทั้งในกรณีที่ผ่านไปแล้ว และในกรณีที่กำลังจะผ่านมา

เราจะ แล้วไปแล้ว  ไม่ได้อีกแล้ว

เราจะต้องคิดให้รอบคอบถี่ถ้วนกันเสียทีแล้ว

การแยกแยะจะช่วยให้เราเห็นความแปลกประหลาดมหัศจรรย์บางอย่างซ่อนเร้น

การแยกไข่ไก่ออกจากไข่ไก่เราใช้ลักษณะความเล็ก-ใหญ่ เป็นตัวแยกฉันใด  การแยกคนออกจากคน  แยกความเชื่อจากความไม่เชื่อก็ต้องใช้หลักของคุณธรรม  ใช้หลักของเหตุและผล

ก่อน 19 กันยายน  2549  บ้านเมืองเราเป็นอย่างไร ยินดีหรือไม่ พอใจหรือเปล่า

หลัง 19 กันยายน  2549 ถึงวันนี้  บ้านเมืองเราเป็นอย่างไร  พอใจในเหตุที่เขาปฏิวัติหรือไม่  ยินดีในผลที่เขาปฏิวัติหรือเปล่า

 

การวัด มิใช่แค่เอาใจเอาอารมณ์ตัวเองวัด  แต่ควรเอาใจเอาอารมณ์ผู้อื่นร่วมวัดด้วย

วัดแล้วได้ผลของการวัดแล้ว  ต้องยอมรับผลลัพธ์นั้น

ในทุกวิถีวิธีการยอมรับ ต้องยอ มรับความจริง  และต้องเป็นความจริงที่ปรากฏต่อหน้า ตรงหน้า

ไม่ใช่แค่ความจริงที่ผ่านมาในอดีต  และไม่ใช่แค่ความจริงที่กำลังจะเกิดในอนาคต

ความจริงปัจจุบันนับเป็นความจริงอันสำคัญที่สุด

เห็นหรือยัง ยอมรับหรือไม่ว่า  หลัง 19 กันยายน  2552 เป็นต้นมาถึงวันนี้  ความแตกแยกเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง

                หลายคำถามเกิดขึ้นมากมายในวันนี้ล้วนเป็นคำถามในความรู้สึกและความหมายเดียวกัน

                ทำเพื่อใคร  ทำเพื่ออะไร

                หลายคำตอบล้วนตอบตรงกันว่า  ไม่รู้ว่าทำเพื่อใคร  แต่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน ส่วนใหญ่  แน่นอน

                ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร  แต่รู้ว่าไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติเพื่อระบอบประชาธิปไตยแน่นอน

                แต่...แน่นอน -  ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารใด  สร้างความแตกแยกขัดแย้งและสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติประชาชนได้ยิ่งใหญ่เท่ากับการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549

                19 กันยายน 2552 จึงเป็นวันที่ทุกกลุ่มฝ่ายจักได้รำลึกถึงวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยจิตสำนึก และด้วยจิตวิญญาณ

                อย่าให้ 19 กันยายน  2552 สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองยิ่งกว่า 19 กันยายน 2549

                ขอให้ 19 กันยายน  2552 คือวันยกย่อง 19 กันยายน 2549  เป็นบทเรียนยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การปฏิวัติรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

                และวันที่ 19 กันยายน 2552 เป็นวันพระ เป็นวันสารทไทย ทำอะไรนึกถึงพระ-นึกถึงประเทศไทยกันบ้างก็แล้วกัน

http://www.siamrath.co.th/uifont/Articledetail.aspx?nid=4192&acid=4192

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

ส.อ.ท.แตก 3 ก๊กชิงเก้าอี้ประธาน

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11512 มติชนรายวัน


ส.อ.ท.แตก 3 ก๊กชิงเก้าอี้ประธาน


"สันติ"ล็อบบี้ปตท.หนุน"พยุงศักดิ์"



นาย ขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มซึ่งมีสมาชิกจำนวน 200 บริษัท จะจัดประชุมในวันที่ 16 กันยายน เพื่อหารือการส่งบุคคลลงสมัครตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. วาระปี 2553-2555 และจะมีการแถลงเปิดตัวผู้ลงสมัครภายหลังการประชุม ซึ่งในเบื้องต้นทางกลุ่มจะสนับสนุนนายสุรพร สิมะกุลธร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) และประธานกิตติมศักดิ์ของกลุ่ม ลงแข่งขันสมัครที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2553

แหล่งข่าวจาก ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจลงสมัครประธาน ส.อ.ท.3 กลุ่ม คือ
1.นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธาน ส.อ.ท. และกรรมการรองผู้จัดการบริษัท สยามยูไนเต็ด สตีล จำกัด มีนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท.เป็นผู้ผลักดัน
2.นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธาน ส.อ.ท. และรองประธานกรรมการบริหารอาวุโสบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด มีนางมนูญศรี โชติเทวัญ รองประธาน ส.อ.ท.และประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท สหฟาร์ม จำกัด เป็นผู้ผลักดัน และ
3.นายสุรพร
ส่งผลให้คะแนนเสียงต้องแตกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งมีการประเมินกันว่าหากกลุ่มนายอดิศักดิ์และนายสุรพรรวมกลุ่มกันได้ จะส่งผลต่อคะแนนเสียงของนายพยุงศักดิ์

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบัน ส.อ.ท.มีสมาชิกประมาณ 6,000 บริษัท โดยมีสิทธิออกเสียงเพียง 4,000 บริษัท เพราะเป็นบริษัทที่ชำระเงินสมาชิกต่อเนื่อง 2 ปี ซึ่งขณะนี้กลุ่มนายพยุงศักดิ์มีคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 1,200 เสียง จากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดในภาคเหนือ ใต้ และตะวันออก ส่วนกลุ่มนายอดิศักดิ์ได้เสียงสนับสนุนจากภาคกลาง โดยที่ผ่านมานางมนูญศรีผลักดันให้โรงงานอาหารสัตว์ สุกร และปุ๋ย ประเมินว่าจะได้คะแนนเสียงจากส่วนดังกล่าว 700-800 เสียง และนายอดิศักดิ์ยังได้เสียงสนับสนุนจากบริษัทในเครือฮอนด้า

ขณะที่ นายสุรพรได้การสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองในกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งใช้ความพยายามให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมประสานกับโรงงานในภาคตะวันออกเฉียง เหนือลงคะแนนสนับสนุน ซึ่งมีจะเสียงประมาณ 450 คะแนน

แหล่งข่าวกล่าว ว่า เสียงที่แตกของเป็น 3 กลุ่มดังกล่าว ทำให้นายสันติเดินเรื่องประสานไปยังนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มารับตำแหน่งรองประธาน ส.อ.ท.เพื่อควบคุมเสียงของบริษัทในเครือ ปตท. ประมาณ 100 เสียง ให้มาสนับสนุนนายพยุงศักดิ์ทั้งหมด


หน้า 17

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

บินไทยทุ่ม 80 ล้านจ้างที่ปรึกษา "ปิยะสวัสดิ์"เริ่มงานชิ้นใหญ่ พ.ย.นี้

บินไทยทุ่ม 80 ล้านจ้างที่ปรึกษา "ปิยะสวัสดิ์"เริ่มงานชิ้นใหญ่ พ.ย.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2552 08:22 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

บอร์ดทีจี ไฟเขียวจ้างที่ปรึกษาวางแผน เร่งปรับโครงสร้างภายใน 6 เดือน ยอมจ่าย 80 ล้านบาท พร้อมใส่พานรอ "ปิยะสวัสดิ์" นั่งร่วมโต๊ะถกปัญหารอบใหญ่ พ.ย.นี้
       
       นายอำพน กิตติอำพน เลขา ธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บอร์ดได้อนุมัติงบ 80 ล้านบาท เพื่อว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อปรับโครงสร้างฐานะทางการเงินใน ระยะยาว เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
       
       "การจ้างที่ปรึกษาฯ ก็เพื่อศึกษาแผนปรับโครงสร้างบริษัททั้งหมด และด้านการเงิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำทีโออาร์และคัดเลือกได้ในสิ้นเดือนกันยายน 2552 นี้ พร้อมทั้งเห็นชอบจัดตั้งฝ่ายกลยุทธ์และแผน (DY) เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์และดูแลทรัพย์สินของบริษัทด้วย"
       
       ทั้งนี้ ฝ่ายกลยุทธ์จะต้องวางยุทธศาสตร์ของบริษัทเพื่อสร้างรายได้ และเพิ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ อาทิ ธุรกิจด้านซ่อมบำรุงเครื่องบินนอกเหนือจากเครื่องบินของบริษัท ซึ่งการบินไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงในภูมิภาค และการหาพันธมิตรเข้าร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยี
       
       "หลังจาก นายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ เริ่มทำงานแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ บอร์ดจะประชุมเพื่อพิจารณาแผนยุทธศาสตร์บริษัททั้งหมด ซึ่งจะพิจารณาทั้งจากที่ปรึกษาจากฝ่ายกลยุทธ์ โดยคาดว่าจะวางแผนปฏิบัติการแล้วเสร็จในอีก 6 เดือน"
       
       นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นชอบการปรับโครงสร้างหนี้ จากระยะสั้นเป็นระยะยาว ส่วนที่เหลือวงเงิน 10,000 ล้านบาท จากการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมด 28,000 ล้านบาท โดยมี 2 ธนาคารเข้าดำเนินการ ซึ่งจากดำเนินการตามแผนฟื้นฟูทำให้สถานะการเงินปี 2552 ของบริษัทมีความมั่นคง มีสภาพคล่องใช้คืนเงินต้น ดอกเบี้ย และจ่ายค่าเครื่องบินได้
       
       นอกจากนี้ บอร์ดยังมีแนวคิดตั้งบริษัทลิสซิง เพื่อวางแผนการจัดหาเครื่องบินให้กับการบินไทย จากเดิมที่ว่าจ้างบริษัทภายนอก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อ รวมทั้งบริหารเครื่องบินให้มีอายุการใช้งานสั้นลง เฉลี่ยที่ 14 ปี จากเดิมเฉลี่ย 20 ปี
       
       สำหรับอัตราที่นั่งในแต่ละเส้นทางพบว่าปรับตัวสูงขึ้น โดยเดือนนี้เส้นทางจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพิ่มเฉลี่ย 70% เส้นทางยุโรป เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 78% เทียบจากเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2552 ที่ลดลงกว่า 60% จึงเชื่อว่าไตรมาส 3 จะมีกำไรเป็นบวกก่อนหักภาษี

http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9520000106045


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/